"
Detective Chinatown 1900" พาเราย้อนกลับไปสู่สหรัฐอเมริกาในปี 1900 ยุคที่ชาวจีนอพยพเข้าสู่ดินแดนแห่งเสรีภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจและชีวิตที่ดีกว่า แต่กลับต้องเผชิญกับความเกลียดชังและการเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง ณ เมืองซานฟรานซิสโก ที่ซึ่งชาวอเมริกันพยายามทุกวิถีทางที่จะขับไล่ชาวจีนออกไป เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชุมชนชาวจีนทั้งเมือง นักสืบสองคน 'ชิน ฟู' และ 'กุย' จึงต้องร่วมมือกันไขปริศนาและเผชิญหน้ากับผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอความบันเทิงที่ครบรสเกินคาด ด้านความตลกขบขัน ผู้กำกับใส่มาแบบไม่มีกั๊ก เต็มไปด้วยฉากฮาๆ ที่ชวนให้ผู้ชมอุทานว่า "แบบนี้ก็ได้หรือ?" แต่กลับลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ การจัดวางจังหวะของหนังทำได้อย่างชาญฉลาด รู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยมุกตลก เพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างสนุกสนานไม่น่าเบื่อ
ในส่วนของการสืบสวน ลูกเล่นในการนำเสนอและการเล่าเรื่องนั้นทันสมัยแบบหนังสืบสวนยุคใหม่ เปรียบเสมือน "Sherlock Holmes" ฉบับกาย ริตชี่ ในเวอร์ชั่นจีนที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่การลอกเลียนแบบฮอลลีวู้ด ฉากแอ็คชั่นผสมผสานวิทยายุทธ์แบบจีนได้อย่างลงตัว มีทั้งช็อตสโลว์โมชั่นสุดเท่และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น
จุดที่น่าประทับใจที่สุดอยู่ในช่วงท้ายของเรื่อง เมื่อโจว เหวินฟะ ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ในขณะที่เนื้อเรื่องเข้าสู่ช่วงจริงจัง อารมณ์ของผู้ชมถูกดึงดูดอย่างเข้มข้น แม้ว่าภาพยนตร์จะเน้นย้ำความเป็นจีนอย่างชัดเจน แต่สารที่สื่อออกมานั้นเป็นสากล ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเชื้อชาติใด ก็สามารถเข้าถึงและสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง
หนังเรื่องนี้หยิบยกประเด็นการกดขี่ชาวจีนในอเมริกาช่วงศตวรรษที่ 20 มาถ่ายทอด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า แรงงานชาวจีนได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานมากมายในอเมริกา ทั้งตึกรามบ้านช่อง รางรถไฟ แต่กลับไม่ได้รับเสรีภาพตามที่อเมริกาโฆษณาไว้ ประโยคที่ว่า "และไหนล่ะเสรีภาพที่ว่า" จึงสะท้อนความขมขื่นของผู้อพยพได้อย่างชัดเจน
"Detective Chinatown 1900" เป็นภาพยนตร์ที่มีคุณค่าเกินกว่าที่ใบปิดโฆษณาจะบอกได้ เป็นความบันเทิงชั้นเยี่ยมที่ช่วยคลายเครียด ทำให้หัวเราะจนน้ำตาไหล พร้อมกับส่งสารที่สัมผัสใจผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง นับเป็นผลงานคุณภาพที่คอหนังไม่ควรพลาด