"
ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด" โดดเด่นด้วยความเป็น 'พั๊งค์' ในการนำเสนอที่แหวกขนบหนังสยองขวัญไทย ผู้กำกับ "เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์" ซึ่งมีพื้นฐานเป็นนักเขียนการ์ตูน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบที่เหมือนการพลิกหน้าหนังสือการ์ตูน ทำให้หนังมีลีลาการเล่าเรื่องที่บ้าบิ่น เต็มไปด้วยจังหวะห่าม และสะใจผู้ชม
งานนี้มีลักษณะคล้ายกับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากผลงานของเอกสิทธิ์ อย่าง "13 เกมสยอง", "บอดี้ ศพ 19" หรือ "หลุดสี่หลุด" แต่ในครั้งนี้ เมื่อเขาได้กำกับเองอย่างเต็มที่ ทุกซีนจึงราวกับภาพการ์ตูนที่มีชีวิตขึ้นมา พร้อมองค์ประกอบที่โดดเด่นตะโกนออกมาจากจอ
HALABALA แตกต่างจากหนังสยองขวัญไทยทั่วไปด้วยการใช้ practical effect ในการสร้างปีศาจ "บาตายะ" ที่มีรูปร่างแปลกประหลาด คล้ายกับปีศาจป่าฝั่งตะวันตกอย่าง 'Wendigo' มากกว่าผีในหนังไทย การออกแบบฉากสยองสยองใช้เทคนิคแบบยุค 90s ทำให้หนังมีรสชาติแปลกใหม่น่าจดจำ
แต่น่าเสียดายที่ความน่าสยดสยองซึ่งเป็นจุดขายกลับไม่ได้ถูกนำเสนออย่างเต็มที่ ฉากที่ควรจะสร้างความระทึกขวัญหรือความโหดแบบ gore กลับถูกเบี่ยงเบนด้วยมุมกล้องที่หลบเลี่ยง ทำให้ไม่สามารถสร้างความรู้สึกลุ้นระทึกให้ผู้ชมได้อย่างที่ควร สิ่งที่น่าประทับใจกลับเป็นการนำเสนอแนวคิด 'จิตหลุด' ผ่านเทคนิคการตัดต่อที่สร้างความชุลมุนวุ่นวายในจิตใจตัวละครและผู้ชม
อีกประเด็นที่น่าเสียดายคือบทสรุปของตัวละครหลายตัวที่ไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น 'ตั๊บ ตาไฟ', 'พรานดำ' หรือ 'ชาวเผ่าบาเตาะ' ที่ถูกแนะนำว่ามีความสำคัญแต่กลับกลายเป็นเพียงตัวประกอบ เรื่องทั้งหมดจึงเน้นไปที่ 'สารวัตรแดน' และ 'วิ' เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือหนังสอดแทรกการนำเสนอโลกของป่าจิตหลุดในฐานะสนามประลองอำนาจของตัวละครชาย ทั้งสารวัตรแดนผู้มีอำนาจจากตำแหน่ง ตั๊บตาไฟผู้มีอำนาจทางไสยศาสตร์ และพรานดำผู้ควบคุมป่า ในขณะที่ วิ ตัวละครหญิงเพียงคนเดียวกลับถูกผลักให้ไร้อำนาจและไม่มีสิทธิ์มีเสียง แม้เธอจะแบกรับลูกในท้องของแดนไว้ก็ตาม
HALABALA จึงเป็นหนังที่น่าสนใจในการแหวกขนบและนำเสนอความจิตหลุดของตัวละครอย่างฉูดฉาด แม้จะน่าเสียดายที่ความระทึกขวัญไม่ได้ถูกนำเสนออย่างถึงที่สุดก็ตาม