Brandy เป็นสุรากลั่นที่ได้จากการนำไวน์องุ่นมาผ่านกระบวนการกลั่น และบ่มในถังไม้โอ๊ค ทำให้ได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีรสชาติเข้มข้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ประวัติความเป็นมาBrandy มีต้นกำเนิดมาจากพ่อค้าชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 16 ที่ต้องการลดพื้นที่ในการขนส่งไวน์ จึงทำการกลั่นไวน์ให้เข้มข้นขึ้น โดยตั้งใจว่าจะนำไปผสมน้ำกลับคืนเป็นไวน์เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง แต่กลับพบว่ารสชาติของไวน์กลั่นนั้นเป็นที่นิยมในตัวมันเอง จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของ Brandy
ประเภทของ Brandy1. **Cognac**
- เป็น Brandy ที่ผลิตในแคว้น Cognac ประเทศฝรั่งเศส
- ต้องผลิตตามกฎระเบียบที่เข้มงวด
- ถือเป็น Brandy ชั้นเลิศที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
2. **Armagnac**
- ผลิตในแคว้น Armagnac ประเทศฝรั่งเศส
- มีรสชาติเข้มข้นกว่า Cognac
- เป็น Brandy ที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส
3. **Spanish Brandy**
- ผลิตในประเทศสเปน
- มีรสชาติหวานกว่า Cognac
- นิยมใช้ถังที่เคยบ่ม Sherry มาก่อน
การแบ่งระดับคุณภาพ- **VS (Very Special)**: บ่มอย่างน้อย 2 ปี
- **VSOP (Very Superior Old Pale)**: บ่มอย่างน้อย 4 ปี
- **XO (Extra Old)**: บ่มอย่างน้อย 6-10 ปี
- **Extra/Napoleon/Vieux**: บ่มนานกว่า XO
วิธีการดื่ม1. **ดื่มเดี่ยว**: นิยมดื่มในแก้ว Snifter ที่อุณหภูมิห้อง
2. **ผสมในค็อกเทล**: เช่น Sidecar, Metropolitan
3. **จิบพร้อมของว่าง**: เช่น ช็อกโกแลต ชีส หรือผลไม้แห้ง
ประโยชน์ทางสุขภาพ (เมื่อดื่มในปริมาณที่เหมาะสม)- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- มีคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหาร
ข้อควรระวัง1. ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม
2. ห้ามดื่มก่อนขับขี่ยานพาหนะ
3. ไม่ควรดื่มหากมีปัญหาสุขภาพหรือแพ้แอลกอฮอล์
4. ห้ามดื่มหากอายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
การเก็บรักษา- เก็บขวดในแนวตั้ง
- หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
- เก็บในที่อุณหภูมิคงที่
- ปิดฝาให้สนิทหลังเปิดใช้
Brandy เป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเลือกดื่ม Brandy ที่มีคุณภาพดีและดื่มอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้รับประสบการณ์การดื่มที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงการดื่มอย่างรับผิดชอบและคำนึงถึงสุขภาพเป็นสำคัญ