ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปรวมข่าว กราดยิงพารากอน 3/10/66  (อ่าน 72 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ diorarmani2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,796
    • ดูรายละเอียด
เหตุการณ์กราดยิงที่พารากอน ศูนย์การค้าชื่อดังเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ได้สร้างความสะท้านใจและความหวาดกลัวให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมาย การเกิดเหตุนี้ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สังคมไทยต้องเผชิญหน้าอีกครั้ง และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนเพื่อแก้ไขและสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
เหตุการณ์เกิดเมื่อประมาณ 16.20 น. ของวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่พารากอน ศูนย์การค้าชื่อดัง มีเสียงดังคล้ายเสียงปืนหลายนัดเกิดขึ้นภายในห้าง ทำให้ผู้ใช้บริการและนักท่องเที่ยววิ่งหนีออกมาจากห้างอย่างกะทันหัน
ในขณะเดียวกันก็มีการรายงานสดในโลกออนไลน์ ทำให้แท็ก #พารากอน เริ่มเป็นที่นิยมอันดับ 1 บนแอพพลิเคชัน บางคนรายงานว่าได้ยินเสียงปืนและเห็นคนถูกยิง โดยที่บางคนอยู่ในห้างก็รายงานว่ามีคนกลุ่มอยู่ในภายในห้าง สื่อสารและโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเตือนนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการให้ระมัดระวังและป้องกันตัวเอง
เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจและความหวาดกลัวให้กับประชาชนที่รับข่าวสาร มีการพูดคุย ถกเถียง และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงบนโลกโซเชียล โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย
ผู้ก่อเหตุคือเยาวชนชายอายุ 14 ปี มีอาการหวาดระแวงว่าจะมีคนตามมาทำร้าย โดยหลังจากถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นพบอาวุธหลายชนิดในบ้านของผู้ก่อเหตุ รวมถึงปืนบีบีกันและกระสุนปืนต่าง ๆ และผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวให้กับตำรวจ
ผู้ก่อเหตุมาจากครอบครัวที่ดีและเป็นนักเรียนของโรงเรียนทางเลือกชื่อดัง แม้ว่าเพิ่งเริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่สามารถสอบถามปากคำของผู้ก่อเหตุได้เต็มที่

สรุปท้ายคือว่าเหตุการณ์กราดยิงที่พารากอน ศูนย์การค้าชื่อดังนี้ได้สร้างความหวาดกลัวและความกังวลให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมาย การเกิดเหตุนี้จำเป็นต้องให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือเพื่อให้สังคมไทยสามารถเจริญเติบโตและกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้งได้ และจากเหตุการณ์นี้เราควรพิจารณาเรื่องความปลอดภัยและการสนับสนุนสำหรับเยาวชนในสังคมอีกด้วย และควรระมัดระวังและปรับปรุงพฤติกรรมร่วมสังคมให้มีความเป็นสิริมากขึ้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต

ขอบคุณบทความจาก : http://www.koreatefl.com/

Tags : ข่าว